วันสมาธิโลก 6 สิงหาคมของทุกปี World Meditation Day
วันสมาธิโลก ขอเชิญชาวพุทธและชาวโลกทั้งหลายมา นั่งสมาธิ เพื่อให้เป็นมรณะสติเตือนใจ และมุ่งที่จะให้เกิดสันติภาพของโลกที่แท้จริงและยั่งยืน
ความเป็นมา “วันสมาธิโลก”
วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ได้มีการนำระเบิดปรมาณูที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไปปล่อยลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น ย พ ส ล. จึงกำหนดเอาวันที่ 6 สิงหาคม เป็นวันสมาธิโลก
อาจกล่าวได้ว่า ภัยที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติก็คือ “สงคราม” ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้ก่อขึ้นมาเอง และตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลกนี้ ก็ยังไม่เคยมียุคใดว่างเว้นจากสงครามอย่างเด็ดขาดได้เลย คำว่า “สันติภาพ” จึงเป็นสิ่งที่ชาวโลกพากันแสวงหามาโดยตลอด
วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ได้มีการนำระเบิดปรมาณูที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไปปล่อยลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์อันเจ็บปวดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้ทำให้ชาวโลกตระหนักถึงภัยอันใหญ่หลวงของสงคราม จึงได้พยายามร่วมมือกันจัดตั้งองค์กรกลางขึ้นมา เพื่อรักษาสันติภาพให้แก่ประชาคมโลกนั่นคือ องค์การสหประชาชาติ
ในการประชุมขององค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ย พ ส ล.) ปี พ.ศ. 2531 ได้เห็นความสำคัญของการทำสมาธิ ทั้งนี้เพราะ การทำสมาธิ แม้จะเป็นธรรมปฏิบัติในพระพุทธศาสนา แต่ก็เป็นของสากล ที่ศาสนิกชนอื่นก็สามารถปฏิบัติได้ ดังนั้น ย พ ส ล. จึงกำหนดเอาวันที่ 6 สิงหาคม เป็นวันสมาธิโลก เพื่อเป็นวันรวมใจของชาวพุทธ และชาวโลกทั้งหลายมานั่งสมาธิ เพื่อให้เป็นมรณะสติเตือนใจ และมุ่งที่จะให้เกิดสันติภาพของโลกที่แท้จริง และยั่งยืน
วันนี้เป็นวันดีที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของพวกเราทุกๆ คน ที่เราได้สละเวลาอันมีค่ามาแสวงหาหนทางของพระนิพพาน เราได้วางภารกิจต่างๆ เดินทางมาจากทั่วประเทศ ทั้งที่อยู่ไกลและอยู่ใกล้ บางท่านก็เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อมาประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกัน มาสร้างสันติสุข สันติภาพให้เกิดขึ้นแก่โลก โดยเฉพาะวันที่ 6 สิงหาคม เป็นวันสมาธิโลก คือ ทั่วโลกนานาชาติ นานาประเทศเขากำหนดเอาว่าวันนี้เป็นวันสมาธิโลก ชาวโลกทุกคนไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดต่างก็รวมกัน เพื่อทำสมาธิให้บังเกิดขึ้นในใจ หรืออาจกล่าวได้ว่าวันนี้เป็นวันสันติภาพของโลก ซึ่งสันติภาพของโลกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ มนุษย์ทุกคนในโลกได้เข้าถึงสันติสุขภายใน
สันติสุขภายในที่แท้จริงจะเกิดขึ้น เมื่อใจหยุดนิ่งตั้งมั่นเป็นสมาธิ หยุดนิ่งสนิทอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ดังนั้น การเจริญสมาธิภาวนา จึงเป็นจุดเชื่อมโยงที่จะทำให้เกิดสันติภาพของโลกอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจากกลุ่มไลน์ google
ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญการบำบัดโรคทางร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นผู้ที่มีสุขภาพดี มีสุขภาวะสมบูรณ์ทั้งทางกาย จิต และสังคม ตามที่องค์การอนามัยโลก ได้ให้ความหมายไว้ โดยขณะนี้หลายประเทศทางตะวันตกได้นำสมาธิ (Meditation) ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวพุทธไปฝึกปฏิบัติ
สธ.แนะนำคนไทยให้ ” ฝึกสมาธิ ” เป็นประจำ มีผลช่วยทำให้สุขภาพจิตดี เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ป้องกันโรคหัวใจ กระตุ้นให้ร่างกายทำลายเซลล์ที่มีปัญหา และเซลล์มะเร็งอีกด้วย รพ.ในสังกัด ร้อยละ 73 ใช้ สมาธิบำบัด ควบคู่กับการรักษา
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้นำการฝึกสมาธิ หรือ สมาธิบำบัด มาใช้รักษาควบคู่ไปกับการรักษาโรคทางกาย โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินงานสมาธิบำบัดในสถานบริการสุขภาพ เพื่อเป็นทางเลือก ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วย ทั้งร่างกาย และจิตใจของผู้ป่วย และญาติ โดยเฉพาะผู้ที่ มีปัญหาสุขภาพจิต มีภาวะเครียด เพราะเมื่อจิตใจสงบนิ่ง และร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินออกมา จะมีผลช่วยลดอาการเจ็บปวด เพิ่มภูมิต้านทานโรค ลดความตึงเครียด ลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น ช่วยให้การไหลเวียนเลือดเป็นปกติ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในหัวใจตีบตัน อีกทั้งยังกระตุ้นให้ร่างกายทำลายเซลล์ที่มีปัญหา และเซลล์มะเร็งอีกด้วย
หลังดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขแล้วร้อยละ 73 คาดว่า จะสามารถดำเนินงานสมาธิบำบัดครอบคลุมโรงพยาบาลทุกแห่งภายในปี 2558 โดยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมแล้ว จะช่วยฝึกสอนการทำสมาธิเบื้องต้นให้ผู้ป่วยและญาติ ระหว่างที่พักรักษาตัวในหอผู้ป่วย ตามความสมัครใจ และนำกลับไปใช้ต่อที่บ้านได้ตลอดเวลา.
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์