รับมือกับ อาการวัยทอง อย่างง่าย ๆ
ผู้เขียนรู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อผลที่ได้รับจากการฝึกสมาธิกับ อาการวัยทอง จริงๆ แล้วผู้เขียนหวังผลด้านอื่นซึ่งมีประโยชน์มากมายจากสมาธิ เช่น การมีสติในงานที่ทำ ซึ่งต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในคราวเดียวกัน เพราะต้องทำงานในหลายๆ หน้าที่ความรับผิดชอบ เป็นทั้งพิธีกร วิทยากร และช่วยดูภาพรวมทั้งหมด ตั้งแต่ การลงทะเบียน การต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนา ที่มีผู้คนหลากหลายอาชีพ หลากหลายทั้งคุณวุฒิ ทั้งวัยวุฒิ บางท่านเป็นนายพล เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็น บุคคลที่เคยทำงานระดับโลก ฯลฯ บางคนบางท่านก็น่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน เราก็สบายใจ บางท่านบางคนก็พกพาหัวโขนอันหนักอึ้งมาด้วย ทีมงานของเราก็อ่อนทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ เราเองก็ต้องพยายามยิ้มแย้มแจ่มใสให้ได้ตลอดเวลา ดูภาพรวมระหว่างสัมมนาตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว พอถึงคราวเลือดจะไป ลมจะมา ฮอร์โมนมันคงลดลงฮวบฮาบ เกือบเอาไม่อยู่ เจอเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากลูกค้า เราก็พอจะยังคงยิ้มแย้มได้อยู่ แต่พอเจอพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์จากทีมงานด้วยกัน ก็อดที่จะหลุดบ้างเหมือนกัน ยืนหน้าหงิกอยู่หลังห้องสัมมนา แต่พอถึงเวลาต้องไปอยู่หน้าเวที ก็สามารถปรับอารมณ์ให้มายิ้มแย้มแจ่มใสได้ทันที ทีมงานก็ถามว่า ครูทำได้อย่างไรครับ และไม่เคยมี อาการวัยทอง รุนแรงดั่งที่งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการวิจัยเลยค่ะ อยากให้ทุกท่านได้อ่านงานวิจัยชิ้นใหม่ซึ่งเปิดเผยว่า
การเรียนเทคนิคทำสมาธิอย่างง่าย ๆ อาจช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน และนอนไม่หลับ ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ทั้งนี้ งานวิจัยของมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เผยว่า การฝึกทำสมาธิตามวิถีพุทธ ช่วยลดความทุกข์ทรมานที่เกิดจากอาการร้อนวูบวาบ และทำให้สุขภาพร่างกาย จิตใจดีขึ้น
สันติสุขและความงามตามธรรมชาติของสภาพแวดล้อมที่ทำให้หมู่บ้านสถานที่ที่เหมาะสำหรับการทำสมาธิ ซึ่งสมาธิที่ดีจะเอื้อต่อการฟังเสียงจากภายในของคุณ ทำให้คุณปล่อยชีวิตประจำวันที่วุ่ยวายและภาระความรับผิดชอบที่หลากหลายไปได้ ดังนั้นทำไมไม่ให้ตัวเองได้บำบัดและค้นพบความสุขง่าย การผ่อนคลายและประโยชน์ต่อชีวิตที่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยวิธีการทำสมาธิอย่างง่าย ๆ
“การค้นพบนี้นับเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการรักษาอาการวัยทอง ด้วยการใช้ฮอร์โมนทดแทนเช่นในอดีตนั้น ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่จะเกิดตามมา” เจมส์ คาร์โมดี้ ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ หน่วยเวชศาสตร์ป้องกันและพฤติกรรมบำบัด ซึ่งเป็นผู้เขียนงานวิจัยเรื่องนี้กล่าว
งานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาอาการวัยทอง
ผู้วิจัยบอกว่า ราว 40 เปอร์เซนต์ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ต้องทนทรมานจากอาการร้อนวูบวาบและเหงื่อออกตอนกลางคืน ซึ่งบั่นทอนคุณภาพชีวิตของพวกเธอ แต่ตั้งแต่มีการระบุว่า การใช้ฮอร์โมนทดแทนบำบัดอาการ เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็งเต้านม และโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น คาร์โมดี้ จึงตั้งข้อสังเกตว่า “ไม่เพียงแต่บรรดาผู้หญิงเท่านั้น ที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อบำบัดอาการวัยทอง แต่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ ที่จะค้นหาการรักษาด้วยพฤติกรรมบำบัด”
รายงานวิจัยเผยว่า ยังไม่มีวิธีรักษาอื่นใดที่จะทดแทนการใช้ฮอร์โมนบำบัด แต่ดูเหมือนว่า การฝึกสมาธิจะช่วยให้ผู้หญิงบรรเทาจากอาการวัยทองได้ การบำบัดอาการวัยทองด้วยการทำสมาธิ ช่วยให้ผู้ปฏิบัติมุ่งอยู่ที่ปัจจุบันขณะ เพ่งมองลมหายใจ ไม่ต้องตัดสินใจ และยอมรับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในใจอย่างง่ายดาย เทคนิคนี้ไม่ยากที่จะเรียนรู้ แต่แรกๆต้องอาศัยความมีวินัย ผู้เชี่ยวชาญบอก
ผู้วิจัยตั้งเป้าที่จะควบคุมปฏิกิริยาของผู้หญิงในการตอบสนองอาการเหล่านี้ “รวมถึงความทุกข์ใจ ความกระวนกระวายใจทางสังคม” “เราต้องการดูว่า เราสามารถทำให้ผู้หญิงยืดหยุ่นต่อการตอบสนองอาการเหล่านี้ได้หรือไม่” คาร์โมดี้ อธิบาย “เราไม่ได้พยายามจะไปเปลี่ยนแปลงอาการวัยทอง ถึงแม้ว่าได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้างแล้วก็ตาม”
ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แบ่งผู้หญิง 110 คน อายุระหว่าง 47-69 ปี เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้ฝึกทำสมาธิ กลุ่มที่สองรอที่จะฝึก กลุ่มตัวอย่างต้องทำแบบสอบถาม เพื่อหาองค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อการเกิดอาการร้อนวูบวาบ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การเล่นโยคะ และการออกกำลังกาย อีกทั้งคณะวิจัยต้องประเมินผลคุณภาพชีวิตใน 4 ด้าน คือ ร่างกาย จิตใจ อาการร้อนวูบวาบ และกิจกรรมทางเพศ โดยจะให้คะแนนกลุ่มตัวอย่างจาก 1-4 ตามความรุนแรงของอาการที่พวกเธอถูกรบกวน จาก “ไม่เลย” ไปจนถึง “รบกวนมากที่สุด” และจดบันทึกจำนวนครั้ง และระดับความรุนแรงของอาการร้อนวูบวาบ และเหงื่อออกตอนกลางคืน เมื่อการวิจัยเริ่มต้น โดยเฉลี่ยในแต่ละวัน ผู้หญิงเกิดอาการร้อนวูบวาบหรือเหงื่อออกตอนกลางคืน ระดับปานกลางถึงร้ายแรงที่สุด ราว 5 ครั้งหรือมากกว่า
ผลการวิจัย การทำสมาธิ ทำให้ อาการวัยทอง ลดลง 15%
หลังจากให้กลุ่มตัวอย่างแรกเรียนทำสมาธิสัปดาห์ละครั้ง นาน 8 สัปดาห์ และฝึกปฏิบัติจริง 1 วันเต็ม ผลปรากฏว่า ผู้หญิงกลุ่มนี้รู้สึกถูกรบกวนด้วยอาการวัยทอง ลดน้อยลง 15% โดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ยังไม่ได้เรียนที่ลดลงเพียง 7% ในขณะที่ความรุนแรงของอาการร้อนวูบวาบไม่ได้แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ กลุ่มที่เรียนทำสมาธิบอกว่า พวกเธอหลับดีขึ้น วิตกกังวลและเครียดน้อยลง
งานวิจัยนี้เริ่มต้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2005 ถึงเดือนกันยายน 2007 กลุ่มตัวอย่าง มีปัญหาการนอนหลับอย่างเด่นชัด ดังนั้น เมื่อผลวิจัยออกมาว่า การทำสมาธิทำให้การนอนหลับดีขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญ “สิ่งที่ทำให้เราประหลาดใจมากที่สุด คือ ผลที่มีต่อการนอนหลับ” คาร์โมดี้ กล่าวโดยให้ข้อสังเกตว่า การฝึกทำสมาธิถือเป็นหนทางรักษาเพื่อลดอาการนอนไม่หลับ ให้ผลดีเทียบเท่าการใช้ฮอร์โมนทดแทนเลยทีเดียว
ผู้เชี่ยวชาญอีกท่านหนึ่งได้กล่าวยกย่อง การวิจัยชิ้นนี้ ที่ใช้ “ความสัมพันธ์ใจ-กาย” ช่วยผู้หญิงจัดการกับอาการวัยทองรุนแรง ได้โดย “ไม่มีผลข้างเคียง” “เรารู้เรื่องความสัมพันธ์ของใจและกาย” ดร.จิล เอ็ม เรบิน กล่าว “เพียงแต่เรากำลังเริ่มปลดปล่อยพลังจิตให้ส่งผลต่อสุขภาพกายของพวกเรา”
แต่เรบิน ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่และหัวหน้าหน่วยสูตินรีเวช ที่ Long Island Jewish Medical Center ได้ให้ความเห็นว่า การวิจัยดังกล่าว ขาดซึ่งโปรแกรมกลุ่มตัวอย่างที่ฝึกทำสมาธิเป็นประจำ และบรรดาผู้หญิงที่เข้าร่วมวิจัยครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาว และมีการศึกษาสูง ซึ่งเธอเห็นว่าจำเป็น ต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อดูว่าผลลัพธ์ที่ได้ สามารถนำไปใช้กับประชากร ทั่วไปได้หรือไม่
“ไม่ใช่ว่า ผลวิจัยที่ได้ ไม่สามารถนำไปใช้ได้ หรือจะมีความแตกต่างเมื่อทดลอง กับคนกลุ่มอื่นที่แตกต่างออกไป เพียงแต่เรายังไม่รู้” ดร.จิล เอ็ม เรบิน กล่าว
สามารถติดตามเราได้ในอีกช่องทาง ที่เพจ PunditSpirit นะคะ
ยังมีบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ที่เวป PunditSpirit.com
บอกเล่าเรื่องราวโดย : ดาวเป็นเครือ