ลงทุนทองคำ ยุคใหม่ของการลงทุน ได้เริ่มขึ้นแล้ว

ท่ามกลางสภาวะดอกเบี้ย ที่ตกต่ำลงทั่วโลก Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนระดับตำนาน และผู้บริหารร่วมของบริษัท Bridgewater Associates ออกมาฟันธงว่า “การเปลี่ยนแปลง ของกระบวนทัศน์ (Paradigm) ของวงการทางการเงินนั้น กำลังจะมาถึงในไม่ช้า” เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ กำลังเข้าสู่ช่วงยากลำบาก หมดยุคของ QE เรียบร้อย และ ลงทุนทองคำ จะเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ ที่ใกล้เคียงกรณีนี้ในอดีตไว้ว่า
“ปัจจุบันมีหลายสิ่ง ที่คล้ายกันกับในช่วงยุคปี 1930 ที่ต่างมีปัญหาด้านหนี้สินล้นตลาด และอัตราดอกเบี้ยนั้นต่ำมาก และรัฐบาลได้ทำ QE เพื่อนำไปซื้อหลักทรัพย์ทั้งหลาย จนเกิดฟองสบู่ และมาตรการต่างๆ ของเหล่าธนาคารกลาง เริ่มใช้ไม่ค่อยได้ผล เขาจึงมองว่า ในช่วงที่ค่าเงินกำลังอ่อนค่าลง ประกอบกับมีสถานการณ์ ความขัดแย้งทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศเกินขึ้น สินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ ก็คือ ทองคำ นั่นเอง”
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทบทวนว่า “สกุลเงินใด?” หรือ “สินทรัพย์ใด?” ที่ยังมีมูลค่าที่แท้จริงอยู่ ?
Greg Jensen หัวหน้าผู้จัดการกองทุนของ “Bridgewater Associates” กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกมาฟันธงว่า “ราคาทองคำ” มีโอกาส 30% ที่จะพุ่งขึ้นไปทะลุระดับ 2,000 เหรียญฯ
Greg Jensen ได้เผยถึงสาเหตุที่เขามั่นใจว่า ราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นนั้น เนื่องจาก ธนาคารกลาง ในหลายประเทศพยายามจะใช้หลายมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นตามด้วยในอนาคต รวมถึงประเด็นภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง ทำให้เหล่านักลงทุน เคลื่อนย้ายเงินเข้าไปในทองคำมากขึ้น
สิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ก็คือ “ความน่าเชื่อถือของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ” เนื่องจากในตอนนี้สหรัฐฯ กำลังประสบกับปัญหา ขาดดุลการค้าอย่างมาก อีกทั้งยังมีหนี้ระดับสูงมากๆ ซึ่งอาจส่งผล ต่อความน่าเชื่อถือของค่าเงินดอลล่าร์ในตลาดโลก ในอนาคตอันใกล้ และจะทำให้นักลงทุน หันไปให้ความสนใจกับทองคำมากขึ้น
หลังจากได้ฟังคำแนะนำ จากกองทุนระดับโลกกันแล้ว เรามามองปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยให้เราตัดสินใจ ลงทุนทองคำ กันได้ค่ะ
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำภายในประเทศ
– ราคาทองคำต่างประเทศ
ราคาทองคำในประเทศเป็นราคาที่อ้างอิงมาจากราคาทองคำในต่างประเทศ(Spot Rate) ณ ช่วงเวลานั้นๆ
– อัตราแลกเปลี่ยน(ค่าเงินบาท)
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในประเทศ(ค่าเงินบาท) เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีนัยสำคัญ ต่อราคาทองคำในประเทศ เนื่องจาก ราคาทองคำในประเทศ อ้างอิงโดยตรงกับ ราคาทองคำ ต่างประเทศ และต้องนำมาแปลงจาก ราคาทองคำในรูปเงินสกุลดอลลาร์มาเป็นราคาทองคำในรูปเงินบาท จึงเป็นสาเหตุให้ปัจจัย ความเสี่ยง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในประเทศ (ค่าเงินบาท) มีส่วนเกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนไหวของ ราคาทองคำในประเทศ ค่อนข้างมาก
– อุปสงค์และอุปทานในประเทศ
อุปสงค์ และอุปทานในประเทศ จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในประเทศ เพียงเล็กน้อย และเมื่อเทียบกันระหว่างราคาทองในประเทศ กับต่างประเทศ จะมีความแตกต่างกันไม่มาก
ปัจจัยที่มีนัยสำคัญต่อราคาทองคำ
- ค่าเงินดอลลาร์ #ราคาทองคำ เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจาก ค่าเงินดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักที่มีความเป็นสากล ที่สามารถ ซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ทั่วโลก และเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั่วโลก เช่นเดียวกับทองคำ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ ค่าเงินดอลลาร์ ลดลง ราคาทองคำ มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ราคาน้ำมัน (สินค้าโภคภัณฑ์) ราคาน้ำมัน เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีนัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปัจจุบัน ซึ่งการเคลื่อนไหว จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจาก น้ำมันจัดได้ว่าเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ที่อยู่ในกลุ่มสินค้า ที่มีความใกล้เคียงกับทองคำและกลุ่มโลหะมีค่ามากที่สุด เมื่อเทียบกับสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มอื่น อีกทั้งน้ำมันยังเป็นตัวที่มีผลต่อภาวะเงินเฟ้อโดยตรงในปัจจุบัน ซึ่งเงินเฟ้อกับราคาทองคำจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอยู่แล้ว ตามทฤษฏี ดังนั้นเมื่อมีปัจจัยใด ที่มากระทบต่อราคาน้ำมัน ก็จะส่งผลถึง #ราคาทองคำ ด้วยเช่นกัน
- วิกฤตการณ์ทางการเมือง ในปัจจุบันนี้วิกฤตการณ์เมืองเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อราคาทองคำมากพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากในระหว่างช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เมืองต่างๆนั้น ความต้องการที่เข้าถือทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นตามความรุนแรงของวิกฤตการณ์นั้นๆ
- นโยบายทางการเงิน และอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบ ต่อราคาทองคำทางอ้อมผ่านทางการเคลื่อนไหว ของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลกระทบ มาจากการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่างๆ และภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นโดยสังเกตผ่านทาง ตัวเลขเศรษฐกิจ ที่ประกาศทุกสัปดาห์ ตัวอย่างเช่น กรณีธนาคารกลางสหรัฐประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะทำให้มีนักลงทุน เข้าซื้อเงินดอลลาร์มากขึ้นเนื่องจากได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันการเคลื่อนย้ายเงินของโลก เป็นไปอย่างเสรี ทำให้เงินลงทุนสามารถเคลื่อนย้ายจาก สินทรัพย์หนึ่งไปสินทรัพย์หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลข่าวสาร ที่มีอย่างสมบูรณ์ ทำให้เวลาสหรัฐปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ค่าเงินดอลลาร์จึงแข็งค่าขึ้นและราคาทองคำปรับลดลง เป็นต้น
- วัฏจักรธุรกิจ วัฏจักรธุรกิจเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ซึ่งสังเกตเห็นได้จาก ปริมาณการซื้อขาย ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละปี เช่น ช่วงฤดูร้อน (Summer) ของทวีปยุโรป และอเมริการะหว่างเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม ของทุกปี จะมีปริมาณการซื้อขาย เบาบางกว่าในช่วงเวลาอื่นของปี เนื่องจาก ในช่วงฤดูร้อน(Summer) ของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาใน การพักผ่อนของประชาชนส่วนใหญ่ อีกทั้งTraderของตลาดการเงินและทองคำ ส่วนใหญ่มักจะลาพักร้อนในช่วงเวลานี้ จึงส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายทองคำในตลาดลดลง และทำให้ราคาทองคำในช่วงนี้ ลดความผันผวนลงมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่นของปี
การลงทุนในทองคำมีความน่าสนใจอย่างไรเมื่อเทียบกับสินทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทอื่น
– ทองคำแท่งกับทองรูปพรรณ : การซื้อทองคำแท่งดีกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากไม่เสียค่ากำเหน็จในการซื้อขาย แต่ทองรูปพรรณ ที่คนไทยนิยมซื้อในรูปของเครื่องประดับต่างๆ เช่น สร้อยคอ กำไล ต่างหู เพื่อสวมใส่ก็ถือว่าเป็นการออมทางอ้อมอย่างหนึ่ง
– ทองคำกับหุ้น : เปรียบเทียบค่อนข้างยาก เพราะความเสี่ยง และปัจจัยที่มากระทบต่างกันค่อนข้างมาก โดยทองคำมักมีทิศทางเป็นบวก เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายทางเศรษฐกิจหรือการเมือง เช่น การอ่อนค่าของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำคัญ เศรษฐกิจตกต่ำ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น เป็นต้น แต่หุ้นจะมีทิศทางเป็นลบ
– ทองคำกับตราสารหนี้และเงินฝาก : ตราสารหนี้ และเงินฝากผลตอบแทนค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเทียบกับทองคำ หากย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมา ตราสารหนี้รัฐให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.37% เงินฝาก 1.5% ขณะที่ทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11.33% และทองคำยังมีสภาพคล่องสูงกว่าตราสารหนี้ด้วย
– ทองคำ–ที่ดิน : ทองคำมีสภาพคล่องกว่าที่ดินมาก และสามารถแปรสภาพเป็นเงินสดได้ง่ายและเร็วกว่า
– กำไรที่ได้จากการซื้อขายทองคำไม่ถูกนำมาคำนวณในการคิดภาษีเงินได้ (ตามข้อกฎหมายมาตรา 42 (9) ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้จากการขายสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในการทางค้าหรือหากำไร)
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของสินทรัพย์แต่ประเภท ตั้งแต่ 2000-2005
สินทรัพย์ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย
1. พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) 2.37%
2. เงินฝากธนาคาร (Saving Bank) 1.50%
3. หันกู้ภาคเอกชน (Corporate Bond) 6.82%
4. ทองคำแท่ง (Gold Bullion) 11.33%
5. กองทุนรวม (Mutual Fund) 17.17%
6. หุ้นสามัญ (Stock) 15.69%
จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ทองคำ จึงถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ มีความมั่นคงสูง และสามารถช่วยบริหารพอร์ต การลงทุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำกว่า และยังเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับ การออม ด้วยค่ะ
บทความ เคล็ดลับเพิ่มสมาธิ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น
สนใจซื้อ ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ ห้างทองทวีชัย 5 และห้างทองทั่วประเทศ
สนใจ #การลงทุน #เทรดทอง ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่