ทำสมาธิก่อนนอน ดีอย่างไร ?

ทำสมาธิก่อนนอน ดีอย่างไร ?

อย่าเพิ่งกลัว คำว่า สมาธิ นะคะ เพราะ มีผู้คนจำนวนมาก ที่พอได้ยินคำนี้แล้ว ก็เข้าใจว่า เป็นเรื่องของพระสงฆ์ ของ สามเณร ของผู้ที่รักษาศีล ที่วัดวันพระ หรือไปปฏิบัติธรรม ตามที่ต่าง ๆ จึงค่อยลงมือทำ แท้จริงแล้ว สมาธิ กับ ชีวิตในแต่ละวันของเรา การ ทำสมาธิก่อนนอน นั้น สำคัญมาก ๆ สำคัญอย่างไร ? มาดูกัน

ความหมายของคำว่า สมาธิ

ความหมายของคำว่า สมาธิ หมายถึง การทำจิตใจของเราให้แน่วแน่ ต่อสิ่งใด สิ่งหนึ่ง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่วุ่นวายไปกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัวเรา ดังเช่นบางคน เริ่มทำสมาธิ ง่าย ๆ ด้วยการท่อง สัมมา อะระหัง หรือภาวนาว่า พุทโธ เป็นต้น บางคนกำหนดสติซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ หรือ ยุบหนอ พองหนอ ตามสภาพของท้องที่มีลมหายใจเข้า-ออก

บ่อยครั้ง ที่พบว่าบางคนหลับตา ภาวนา บนรถไฟฟ้า บนรถตู้โดยสาร หรือรถเมล์ คนเหล่านั้น. กำลังทำสมาธิ เพื่อนำใจมารวมให้อยู่ในใจ ไม่ให้ฟุ้งซ่านคิดเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตามองเห็น หูได้ยิน กลิ่นที่มากระทบจมูก หรืออากาศร้อนเย็นที่มากระทบผิวหนังของเรา นั่นเอง

คราวนี้ เรามาดูว่า ทำไมต้อง ทำสมาธิก่อนนอน หลับ ในแต่ละคืนล่ะ

ตามหลักวิชาการ ที่เราเคยได้เรียนรู้มา จะพบว่า แอคชัน เท่ากับ รีแอคชัน สามารถนำมาใช้ตอบคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี สิ่งใดที่ออกแรง ตกกระทบเท่าไร ผลที่ตอบกลับ ก็แรงเท่านั้น เหมือนเราโยนลูกบอลไปที่กำแพง ลูกบอลย่อมกระเด้งกลับ ด้วยแรงที่เราขว้างเข้าไปนั่นเอง

วันนี้ หากเรามาคิดดูว่า ในระหว่างวัน ตลอด 8-12 ชั่วโมงนั้น มีสิ่งใดบ้าง ที่มาตกกระทบในใจของเรา อาจจะเข้ามาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น และทางกายสัมผัส สิ่งเหล่านั้นที่มากระทบเรานั้น มากน้อยเพียงใด แน่นอน ย่อมมีปริมาณมากทีเดียว นับกันไม่ถ้วน รวมทั้งที่ใจเราคิดเองอีกนับเป็นล้าน เรื่องราวทีเดียว แต่ละเรื่องตกกระทบแรงมากน้อยต่างกัน แล้วอย่างนี้ สมอง หรือว่าใจของเราจะมีสภาพเป็นอย่างไร สิ่งที่มากระทบแต่ละอย่าง แต่ละช่องทางนั้น มีทั้ง ที่ดี ที่พอใจ และที่ไม่พอใจ ใช่หรือไม่

เปรียบเหมือน ใจเรา หรือสมองที่คิดนั้น เป็นถัง หรือตะกร้า ที่ใส่สิ่งต่าง ๆ ที่เขาโยนลงมานับเป็นล้าน ๆ เรื่องราว ตะกร้า หรือถังนั้น จะมีสภาพเป็นอย่างไร บางวัน เรารับเรื่องราวเหล่านั้น จนล้นตะกร้า ล้นถัง ปนกันอยู่ในนั้น แล้วเคยคิดไหมว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น มีผลต่อ อารมณ์ ความคิด คำพูด และการกระทำของเราอย่างมาก ดังคำกล่าวที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” นั่นเอง

ยิ่งถ้าในแต่ละวันนั้น หากเราปล่อยให้สิ่งเหล่านั้น โยนใส่ตะกร้าใจของเรา และไม่มีวันเคลียร์มันออกเลย วันต่อมา ก็ต้องได้รับสิ่งเหล่านั้นเข้ามาอีก วันแล้ววันเล่า ไม่มีเวลาเคลียร์ตะกร้าใจของเราเลย เราปล่อยจนสิ่งต่าง ๆ นั้น ล้นแล้วล้นอีก จนท่วมใจ มองไม่เห็นใจหรือตะกร้า หรือถังนั้นอีกต่อไป คงเห็นแต่กองสิ่งของทั้งดีและไม่ดี ทั้งหอม ทั้งเหม็น ปะปนกันอยู่เต็มไปหมด อัดทับกดลงในตะกร้าใจนั้น หรือบางที มันอาจจะทำให้ตะกร้าใจของเรา แตกร้าว แยก จนหมดสภาพไปแล้วก็เป็นได้

ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องฝึกหัดเคลียร์ตะกร้า ใจ ของเราในทุก ๆ วัน ให้สะอาด ด้วยการทำสมาธิ ให้ใจเราเกลี้ยงจากสิ่งที่มารบกวนหรือเปื้อนสิ่งเหล่านั้นออกไปเสียที

การเคลียร์ใจ ตะกร้าใจ

การเคลียร์ใจตะกร้าใจ ของเรา จะทำให้ใจเราไม่มีของเหม็น ของไม่ดีตกค้างข้ามคืนอีกต่อไป เราจะให้เวลาในการคัดเลือกนำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เป็นขยะ ที่ได้รับ จากการดู การฟัง การชิมลิ้มรส การดมกลิ่น การสัมผัสทางผิวหนังที่เราไม่พอใจทิ้งไป ให้เหลือแต่สิ่งดี ๆ ที่จะเพิ่มคุณภาพ ปรับสภาพใจหรือทำความสะอาดตะกร้าใจของเรา ให้สะอาด มีกลิ่นหอมด้วยสิ่งดี ๆ ที่เราจะรับไว้เพียงอย่างเดียว

เพื่อที่ในวันใหม่ เราจะได้ตื่นขึ้นมาด้วยความโล่ง ว่าง เบาสบาย ของใจเรา สมองจะไม่หนักอึ้งอีกต่อไป เพราะเราได้วาง ได้ปล่อยวาง เรื่องราวต่าง ๆ ล้าง เช็ด ทำความสะอาดตะกร้าใจของเรา ไว้พร้อมจะเริ่มวันใหม่ด้วยพลังที่มากกว่าเดิม

สามารถติดตามเราได้ในอีกช่องทาง ที่เพจ PunditSpirit นะคะ
ยังมีบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ที่เวป PunditSpirit.com

บอกเล่าเรื่องราวโดย : ตำนานตฤณ (Tamnantrin)