อาการ โควิด ต้านด้วย ฟ้าทะลายโจร ได้จริงหรือไม่

จากความสับสนของสังคมในปัจจุบันที่ว่า ตกลงแล้ว “ฟ้าทะลายโจร” ป้องกัน โควิด ได้หรือไม่ แล้วต้องทานปริมาณเท่าไหร่ อย่างไร จึงจะช่วยบรรเทา อาการ โควิด ที่ป่วย หรือ ยับยั้งไวรัส ในผู้ป่วยโควิด 19 ที่อาการไม่หนัก ให้ได้ผล และไม่เป็นอันตรายต่อตับ ทางเราจึงรวบรวมข้อมูลมาให้ดังนี้
ทางปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันแล้ว ฟ้าทะลายโจรมีสาร “แอนโดร กราโฟไลด์” ต้าน โควิด-19 ไม่ให้เข้าเซลล์ และต้านการแตกตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในร่างกายได้
วิธีเลือกซื้อยาฟ้าทะลายโจร
– ยาฟ้าทะลายโจรมี 2ชนิด คือ แบบสกัด และแบบบดผง
– ดูบนฉลากว่ามีสารแอนโดรกราโฟไลด์ ไม่น้อยกว่า 20มก. ถ้าไม่มีระบุแปลว่าเป็นแบบบดผง
– ฟ้าทะลายโจรแบบบดผง จะมีสารแอนโดนกราโฟไลด์ประมาณ 4-5 มก. (เทียบกับแบบสกัดที่มีถึง 20 มก. และยังสกัดสาร AP3 มีผลข้างเคียงทำให้แขนขาอ่อนแรงออกไปแล้ว)
– สามารถกินเป็น immune booster สร้างภูมิต้านทานเชื้อให้กับร่างกายได้
คำแนะนำการใช้ยาแคปซูลสกัดฟ้าทะลายโจรแบรนด์การบูร
เพื่อป้องกันการติดเชื้อในภารกิจประจำวันช่วงการแพร่ระบาดรอบ 3 นี้ ให้รับประทานเป็น Immune Booster วันละ 3 แคปซูล ตอนเช้าก่อนออกนอกบ้าน เพื่อรักษาปริมาณความเข้มข้น 60 มก. ของสารแอนโดรกราโฟไลด์ไว้ในกระแสโลหิตให้ได้ประมาณ 10-12 ชม. ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจประจำวัน ซึ่งจะไม่เกิดผลข้างเคียงเพราะสกัดเอาสาร AP3 ที่หากทานต่อเนื่องจะทำให้แขนขาอ่อนแรงออกไปแล้ว
เราสามารถใช้การทานเป็น Imune booster ต่อเนื่องเช่นนี้ได้ โดยหยุดรับประทานเฉพาะวันที่พักผ่อนอยู่กับบ้านเท่านั้น
🔺สำหรับเด็กอายุ 7-12 ขวบ น้ำหนักน้อยกว่า 40 กก. ให้รับประทาน 2 แคปซูล/วัน
🔺สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
คำแนะนำสำหรับกรณีสัมผัสผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ โควิด-19 หรือเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 เองแล้ว
ให้รับประทานวันละ 3/3/3 แคปซูล มื้อเช้า กลางวัน เย็น รวมเป็น 9 แคปซูลต่อวัน ทานต่อเนื่อง 5 วัน 45 แคปซูล ระหว่างรอผลตรวจ หรือทานเมื่อทราบผลตรวจแล้วว่าติดโควิด-19 และต้องกักตัวเอง ด้วยเหตุสถานพยาบาลเต็ม รพ.ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้อีก
ในกรณีที่เป็นผู้ที่รอผลตรวจ แล้วผลตรวจรอบแรกออกเป็น negative ก็ให้กินต่อจนครบ 5 วัน ตามโดสรักษาที่แนะนำเพื่อรอการตรวจรอบสอง เพราะบางท่านไปตรวจพบเชื้อตอนรอบสอง
หากเราใช้โดสรักษาของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ตามนี้ แล้วติดเชื้อ เราก็สามารถหายเป็นปกติได้หากร่างกายแข็งแรง เพราะสารแอนโดรกราโฟไลด์เข้มข้นในแคปซูลสกัดฟ้าทะลายโจรนี้สามารถจะเพิ่มภูมิต้านทานเชื้อให้กับให้ร่างกายได้
สำหรับเด็กอายุ 7-12 ขวบ น้ำหนักน้อยกว่า 40 กก. โดสรักษาให้รับประทานครึ่งหนึ่งของโดสสำหรับผู้ใหญ่ คือที่ 5 แคปซูล/วัน แบ่งเป็น 3 เวลาก่อนอาหาร คือ 2/2/1 แคปซูล
*ข้อควรระวังสำหรับบางคน*
ฟ้าทะลายโจรมีสารเพ็นนิซิลิน บางคนแพ้ และคนทั่วไปห้ามกินก็กิน 7วัน เคยกินเองตอนเป็นหวัดเจ็บคอ จะมีอาการปวดเอวด้านหลัง (สำหรับผู้ใช้ยาบางคนนะคะ)
อภัยภูเบศร เคลียร์ชัด ฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19 หลังโลกโซเชียลแชร์ข้อมูลสร้างความสับสนในสรรพคุณ ยกผลวิจัยมหิดล พบสามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อได้ ล่าสุดลงตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศแล้ว
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ชี้แจงกรณีมีการแชร์ข้อมูลฟ้าทะลายโจรในโลกโซเชียล ที่มีทั้งจริงและเท็จ สร้างความสับสนในเรื่องของสรรพคุณ โดย ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร กล่าวว่า ในฐานะที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องฟ้าทะลายโจรในการต้านโควิดเป็นคนแรกตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 จึง ขอไขข้อข้องใจในประเด็นต่างๆ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ดังนี้
– ประเด็นแรก ฟ้าทะลายโจร รักษาโควิด-19 ได้จริงหรือไม่นั้น
ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ก็ต้องบอกว่า โควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ไม่มียา หรือ วัคซีนใดที่จะตอบได้อย่างเต็มปากว่ารักษา หรือป้องกันได้จริง แต่จากการวิจัยเอกสารที่มีการทำการศึกษาวิจัยมากมายหลายฉบับ ทำให้เรามั่นใจว่าฟ้าทะลายโจร มีประโยชน์ในการนำมาใช้กับ ผู้ป่วยโควิด และได้ส่งมอบเอกสารให้กับทางกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ในการระบาดระลอกแรก จนนำไปสู่การใช้ฟ้าทะลายโจรรักษา อาการ โควิด ในผู้ป่วยโควิดรายที่มีอาการน้อย และไม่มีอาการในโรงพยาบาลสังกัด กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งพบว่าผู้ที่มีอาการน้อยหลังจากได้รับยาฟ้าทะลายโจรมีอาการดีขึ้นทุกราย โดยไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด ส่วนในรายที่ไม่มีอาการ ก็ไม่พบว่ามี อาการ โควิด ภายหลัง และปลอดภัยดี
อภัยภูเบศรจึงอยากให้มีการวิจัยฟ้าทลายโจร เพื่อให้เกิดผลเป็นที่ประจักษ์ จึงได้เตรียมสารสกัดฟ้าทะลายโจร ส่งให้คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อศึกษากลไกในการต้านโควิด-19 ผลการศึกษาพบว่าสารสกัดฟ้าทะลายโจร และสารแอนโดร
กราโฟไลด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญในฟ้าทะลายโจร มีความสามารถในการยับยั้งกระบวนการติดเชื้อไวรัสของเซลล์ปอด โดยผ่านกลไกที่สำคัญ คือ การยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิดในทุกระยะ จึงมีโอกาสที่จะพัฒนาการใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นยาเดี่ยว หรือใช้ควบรวมกับสูตรยามาตรฐานในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโควิด ปัจจุบันผลงานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร “Natural Products” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ดร.สุภาภรณ์ กล่าว
– ประเด็นที่สอง ฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ได้หรือไม่
ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า “ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่ชัดเจนสนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ได้ แต่มีการศึกษาพบว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรขนาดต่ำๆ (แอนโดรกราโฟไลด์ 11.2 มิลลิกรัม/วัน) กิน 5 วัน/สัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน ช่วยป้องกันหวัดได้
โดยนักวิจัยได้กล่าวถึงผลในการป้องกันหวัดว่า น่าจะเกิดจากฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งก็มีงานวิจัยที่สนับสนุนอยู่มากพอควรว่าฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ในส่วนตัวเองที่เก็บข้อมูลจากหมอพื้นบ้าน ก็เห็นในช่วงฤดูหนาวชาวบ้านจะกินฟ้ากัน 2-3 ใบทุกวัน สำหรับผู้ประสงค์จะใช้ฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกัน ต้องกินฟ้าทะลายโจรขนาดต่ำๆ และต้องไม่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร ตับและไตต้องดี ไม่ได้กินยาละลายลิ่มเลือดที่ชื่อวาร์ฟาริน”
– ประเด็นที่สาม ใช้ฟ้าทะลายโจร ไม่ต้องฉีดวัคซีนใช่หรือไม่
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “การฉีดวัคซีนเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันที่จำเพาะสำหรับเชื้อโควิด ถึงแม้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่อย่างน้อยก็ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง ลดภาระของระบบบริการสุขภาพได้ การใช้ฟ้าทะลายโจรมีข้อมูลสนับสนุนว่ามีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันทั้งภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดและภูมิคุ้มกันจำเพาะแต่ยังไม่มีการศึกษากับเชื้อโควิดโดยตรง ดังนั้นประชาชนควรฉีดวัคซีน ซึ่งจะเห็นได้จากประเทศอังกฤษที่มีการฉีดวัคซีนกันอย่างกว้างขวางทำให้อัตราการติดเชื้อลดลง”
– ประเด็นที่สี่ ฟ้าทะลายโจรที่เป็นสารสกัดมีฤทธิ์ดี และปลอดภัยกว่าผงบดหยาบใช่หรือไม่
ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่าไม่จริงเสมอไป ขึ้นกับมาตรฐานการผลิตและโรคที่นำไปใช้ ใน Thai Herbal Pharmacopoeia กำหนดไว้ว่า ต้องมีปริมาณแลคโตนรวมไม่น้อยกว่า 6% และแอนโดรกราโฟไลด์ไม่น้อยกว่า 1% ซึ่งในมาตรฐานดังกล่าว ใช้สำหรับบรรเทาอาการเจ็บคอและบรรเทาอาการของโรคหวัด (common cold) เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยขนาดที่แนะนำ 1500-3000 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน หรือใช้สารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ก็ได้ ประมาณ 60-120 มิลลิกรัม/วันในการบรรเทาอาการเจ็บคอและหวัด
ในส่วนของโควิด-19 ที่มีใช้ในระบบบริการสุขภาพตอนนี้ ก็มีทั้งผงหยาบที่ทราบปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ และสารสกัด
ดังนั้น “ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ผงบดหยาบหรือสารสกัด แต่อยู่ที่ว่าผู้ป่วยได้รับปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ในปริมาณที่เพียงพอต่อการรักษาหรือไม่”
ในส่วนของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรก็ใช้ผงบดหยาบที่มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ไม่น้อยกว่า 3% ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนก็อาการดีขึ้น ไม่มีผลข้างเคียง
การสกัดนั้นโดยปกติเป็นการสกัดที่มุ่งเน้นจะให้ปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์สูงๆ แต่โดยทั่วไปในภาคอุตสาหกรรมเราก็สกัด แอนโดรกราโฟไลด์ได้อยู่ที่ 6% ในขณะที่เราให้เกษตรกรปลูกให้จนเริ่มออกดอก แล้วนำส่วนเหนือดินมาใช้ก็ได้ถึง 3-4% ในช่วงระบาดระลอกแรก โรงพยาบาลก็แจกเมล็ดพันธุ์พร้อมส่งวิธีปลูกให้ผู้สนใจ ตอนนี้หลายคนก็นำมาใช้บรรเทาหวัด ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่ควรปลูกไว้ที่บ้าน ใช้ดูแลสุขภาพยามเจ็บป่วยได้
ส่วนที่มีการส่งไลน์ต่อๆ กันว่า สาร 14-deoxy-11 12-didehydroandrographolide (AP 3) ที่พบในผงฟ้าทะลายโจรอาจทำให้ความดันโลหิตลดลง แขนขาอ่อนแรงได้นั้น ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยเห็นรายงานดังกล่าว และฟ้าทะลายโจรในรูปแบบผงอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีการใช้อย่างกว้างขวางในโรงพยาบาล มีความปลอดภัยดี
อย่างไรก็ตาม
ดร.สุภาภรณ์ ย้ำว่า การสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นเกราะสำคัญในการป้องกันโรค ตั้งแต่มาตรการ DMHTT เว้นระยะ ใส่หน้ากาก ล้างมือ การรับประทานอาหาร เน้นเครื่องเทศ ผัก ผลไม้ พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกาย และสัมผัสแดดในช่วงเช้าหรือเย็น ล้วนแล้วแต่ต้องดำเนินการเป็นองค์รวม อย่าใช้เครื่องมือเดียว เพราะโควิด-19 เป็นโรคใหม่ที่เรายังไม่เข้าใจทั้งหมด ยังคงต้องผนึกกำลังของเครื่องมือในการดูแลสุขภาพทุกเครื่องมือเข้าด้วยกัน
ในอนาคตอภัยภูเบศรปรารถนาให้ ประชาชน ผู้ประกอบการรายย่อย ได้ปลูก เก็บเกี่ยว บด บริโภค แจกจ่าย และขาย ฟ้าทะลายโจร เพื่อการดูแลรักษาตนเองเป็นเบื้องต้น โดยมีการสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกภาคส่วน โดยการส่งเสริมสนับสนุน ด้วยองค์ความรู้บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์และเทคโนโลยีที่เหมาะสม
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ฟ้าทะลายโจร หรือสมุนไพรอื่นๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพื่อเติม ได้ที่ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ในวัน และเวลาราชการที่เบอร์ 037-211-289 หรือ เฟซบุ๊ค สมุนไพรอภัยภูเบศร
‘ฟ้าทะลายโจร’ ใช้อย่างไร ? ให้ปลอดภัยต่อตับ
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ดำเนินการศึกษานำร่องผลของยาสารสกัด “ฟ้าทะลายโจร” ขนาดสูงต่อผู้ป่วยโรคโควิด-19 หลังจากการวิจัยในหลอดทดลอง พบมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ และยังยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้
โดยมีการศึกษาแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ “ในหลอดทดลอง” ผลที่ออกมา คือ ตัวยาสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลล์ แต่ไม่สามารถป้องกันการเข้าเซลล์ของไวรัสได้ ดังนั้น สามารถใช้ในการรักษา แต่ไม่สามารถป้องกันได้ ขณะที่ “ทดสอบในมนุษย์” พบว่า การเข้าไปอยู่ในร่างกาย แนวโน้มเห็นผลว่าตัวฟ้าทลายโจร สามารถลดอาการอักเสบ นำมาสู่ “การทดลองในผู้ป่วยโควิด” ซึ่งจะมีทั้งคนที่ได้รับยาหลอก และ ยาจริง
ทดสอบผู้ป่วยโควิด 304 ราย
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวในการเสวนา หมอแผนปัจจุบัน หมอแผนไทย หมอแผนจีน ตอบทุกข้อสงสัย ไขทุกข้อข้องใจ “ฟ้าทะลายโจร ป้องกัน รักษาโควิด-19 ได้จริงหรือไม่ ?” ผ่านคลับเฮ้าส์ ว่า ความก้าวหน้างานวิจัยฟ้าทลายโจร พบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ที่มีอาการเล็กน้อย ปานปลาง 304 ราย ทุกรายอาการดีขึ้น จนหายเป็นปกติ มีส่วนน้อย 5-6 ราย ที่มีผลข้างเคียงเล็กๆ น้อยๆ ประเด็นสำคัญ คือ 304 ราย ไม่มีรายใดเกิดอาการลุกลามเพิ่มเติม จนใส่ท่อช่วยหายใจ หรือไวรัสลงปอด เข้าไอซียู ทุกคนดีขึ้นค่อนข้างเร็ว กว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้ยา
“มีเพียง 1 ราย เท่านั้น ที่เชื้อไปปอด ทั้งๆ ที่ใช้ฟ้า “ทะลายโจร” แต่เป็นรายที่ได้รับยาไม่ตามโดสที่แนะนำ ดังนั้น จะเห็นว่าการใช้ฟ้าทลายโจร มีผลทำให้กลุ่มอาการน้อย อาการไม่รุนแรงขึ้น และต่อจากนี้จะมีการเก็บข้อมูลให้ลึกขึ้นต่อไป”
ทิศทางการเดินหน้าของงานวิจัย จากการระบาดครั้งใหม่ น่าจะเป็นโอกาสที่ดี ใช้วิกฤติให้เกิดการเรียนรู้ โดยที่ผ่านมา ได้รับงบประมาณ สนับสนุนจาก สธ. ในการจัดหาฟ้าทะลายโจร เข้ามาช่วยเหลือกลุ่มอาการเล็กน้อย และติดตามไปด้วย ในช่วงที่ผู้ป่วยจำนวนมาก ผลลัพธ์ที่พบว่า 304 ราย อาการไม่แย่ลง แทนการใช้ฟาวิพิราเวียร์ที่ต้องสั่งจากต่างประเทศ แต่เปลี่ยนมาใช้ฟ้าทะลายโจร ขณะนี้ มีการเตรียมพร้อมยาเพียงพอ 77 จังหวัดทั่วไทย
“ด้วยความมุ่งหวังให้ฟ้าทะลายโจร ตอบโจทย์ คนไทยและส่งเสริมเกษตรกร บนพื้นฐานหลักการที่ถูกต้อง การทำงานครั้งนี้จะอยู่ที่ความยินยอมของผู้ป่วยและดุลพินิจแพทย์เจ้าของไข้ เดินหน้าไปตามความยินยอมของทุกฝ่าย และมีการติดตามศึกษา นำข้อมูลมาขยายประโยชน์มากขึ้น” พญ.อัมพร กล่าว
ใช้ปริมาณเท่าไหร่จึงจะพอดี
สำหรับปริมาณการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” กรมการแพทย์แผนไทยฯ ให้ข้อแนะนำ ดังนี้
– ใช้ในเชิงส่งเสริมสุขภาพ : ปริมาณ 20 มก.ต่อวัน (ไม่เกิน 5 วัน)
– ใช้รักษาผู้ป่วยไข้หวัด : ปริมาณ 60 มก.ต่อวัน (ครั้งละ 20 มก. 3 ครั้ง)
– การศึกษารักษากลุ่ม โควิด 19 : ปริมาณ 180 มก. ต่อวัน (ครั้งละ 60 มก. 3 ครั้ง)
“แต่แนะนำว่าควรใช้ไม่เกิน 5 วัน เพราะการใช้นานกว่านั้น ยิ่ง 180 มก. จะส่งผลต่อตับ และอยู่ในการแนะนำของแพทย์ ขณะที่ ในเชิงแพทย์แผนไทยเป็น ฟ้าทลายโจร เป็นยาเย็น หากกินนาน ส่งผลให้ตับไม่ดี มือเท้าเย็น ใจสั่น อ่อนเพลีย”
“ยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรไม่ใช่ยาหลัก และไม่ได้ใช้ในผู้ป่วยอาการรุนแรง แต่ลดความขาดแคลนยาแพง โดยใช้ในผู้ป่วยอาการน้อย และสกัดอาการให้หายเร็วขึ้น” อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าว
ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, กรุงเทพธุรกิจ
ขอแนะนำว่าการป้องกันที่ดีที่สุดคือ การไม่รับเชื้อเข้ามา ลดการเดินทาง ใสแมส ล้างมือ สองอย่างนี้เป็นเกราะที่ดีมาก ในเรื่องของการป้องกันโควิด 19 ถ้าท่านใดที่รับประทานฟ้าทะลายโจรอยู่ เพื่อป้องกัน อันนี้ไม่มีหลักฐานแต่หากจะรับประทานต่อขอความกรุณาใช้ขนาดที่ต่ำมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้สารสกัดที่มีขนาดสูง ๆ เพราะอาจมีผลต่อการทำงานของตับและไต ซึ่งคุณหมอหลายท่านก็มีความกังวล ถ้าท่านเป็นโควิด 19 จริง ต้องใช้ยาต้านไวรัส หรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้รักษา ถ้าตับเสียไปแล้วก็ยุ่งยากมากในการรักษา จึงขอแนะนำว่าไม่ควรรับประทานหากยังไม่มีอาการ
ติดตามข้อมูลข่าวสารของเราได้ที่ : PunditSpirit.com
ศึกษาธรรมะ สมาธิ เจริญปัญญา :https://punditspirit.com/category/meditation/