กฏแห่งกรรม เรื่องเล่า กัลยาณมิตร บัณฑิตชมรมพุทธ

ผู้เขียนเป็นคนชอบศึกษาเรื่อง กฏแห่งกรรม ชอบอ่านเรื่องราวในชาดก ชอบอ่านเรื่อง กฏแห่งกรรมของ ท. เลียงพิบูลย์ และที่ขาดไม่ได้คือรายการอนุบาลฝันในฝัน ของ วัดพระธรรมกาย ที่ฟังทุกตอนไม่เคยพลาดเลย
เวลาเห็นชีวิตของใคร ก็ชอบเอามาคิดวิเคราะห์ ว่าทำไม ทำไม ถึงเป็นอย่างนั้น ด้วยความที่เป็นนักเรียนหน้าห้องของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน ก็มักจะเดาทางถูกว่าเพราะอะไร
ไม่กี่วันก่อน ได้ยินคนข้างบ้าน ด่าแม่ตัวเองด้วยคำพูดหยาบๆ คายๆ เรียกแม่ตัวเองด้วยสรรพนามว่า “มึง” แทนตัวเองว่า “กู” และด่าอย่างปราศจากความเคารพ เช่น พูดว่า กูบอกมึงแล้วว่าอย่าทำ แล้วก็พูดไล่แม่ตัวเอง
ซึ่งครอบครัวนี้ อยู่กัน 3 คน มีแม่ ลูกชาย ลูกสะใภ้ เวลาลูกชายไม่อยู่ ลูกสะใภ้ก็มักจะทะเลาะกับแม่ผัว เพราะขนาดลูกชายยังด่าแม่ตัวเองได้ ลูกสะใภ้ซึ่งเป็นคนนอก ไหนเลยจะให้ความเคารพแม่สามี
เรื่องของชาวบ้านเราถือคติไม่เสือก แต่เอามาเล่าให้ฟังเป็นธรรมทาน ไม่ใช่นินทา เพราะมีประเด็นที่น่าคิด เพราะแม่ของเขาเป็นคนใบ้ พูดได้แต่แบ๊ะๆ เวลาโดนด่าก็ได้แต่เถียงแบ๊ะๆๆๆๆๆ
กฏแห่งกรรม ใครไม่ศึกษา ก็จะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ลูกบางบ้านก็ด่าพ่อด่าแม่ตัวเองเยอะแยะไป แต่หากคิดตามหลักกฏแห่งกรรม ทำไมแม่ต้องเกิดมาเป็นใบ้ แล้วมีลูกดันไม่เป็นใบ้ เพราะพ่อเขาก็เป็นใบ้ แสดงว่า ใบ้ไม่ใช่โรคที่ถ่ายทอดผ่านพันธุกรรม แต่เป็นโรคที่เกิดจากกรรม ซึ่งก็คือ วจีกรรม แสดงว่าคุณป้าข้างบ้านอดีตชาติ ต้องเคยด่าพ่อแม่ตัวเอง เลยเกิดมาเป็นใบ้ และต้องมาถูกลูกชายที่พูดได้ ด่าเหมือนที่ตัวเองเคยทำ ก็เป็นกรรมเก่าของแม่ แต่เป็นกรรมใหม่ของลูก ชาติต่อไปลูกก็จะกลายเป็นใบ้ เข้าสู่วงจรคนใบ้เหมือนพ่อแม่
กฏแห่งกรรม ถ้าไม่ศึกษา มันเป็นกฏที่น่ากลัวมาก เพราะมีลักษณะเป็น “วงจร” หรือ Loop ใครที่ตกลงไปในวงจรกรรมแล้ว โอกาสหลุดออกจากวงจรมันจะยากมาก นอกจากจะเจอครูบาอาจารย์ที่มีบุญบารมีมากๆ มาฉุดขึ้น ด้วยการสั่งสอนให้เข้าใจในกฏแห่งกรรม และต้องใจแข็งอย่าหลงไปทำอีก
วัดพระธรรมกาย เป็นวัดที่เน้นสอนเรื่อง กฏแห่งกรรม สอนแบบมีเหตุมีผล มีที่ไปที่มา สอนซ้ำไปซ้ำมาจนเข้าใจ สอนจนเกิด หิริโอตตัปปะ รู้สึกโชคดีอย่างบอกไม่ถูกที่เป็นลูกศิษย์ วัดพระธรรมกาย และก็สงสารคนอื่นๆอีกมาก ที่หลงทำกรรมแบบคนข้างบ้าน ด่าแค่ไม่กี่คำเอาความสะใจ แต่ผลที่ได้มันโคตรจะไม่คุ้มเลย ก็เห็นไปวัดไปวา เปิดบทสวดชินบัญชร บทสวดเจ้าแม่กวนอิมประจำ แต่ทำไมไม่รู้เรื่องกฏแห่งกรรมก็ไม่รู้
ด่าพระ ด่าพ่อแม่ ต่อไปมีปากก็จะไม่ได้ใช้พูด เพราะมีแล้วใช้ทำบาป มีหูก็จะไม่ได้ยิน เพราะมีปากแล้วชอบพูดคำพูดที่คนอื่นไม่อยากได้ยิน ไม่คิดก็ไม่แปลกนะ ถ้าคิดก็จะแปลกว่าทำไมคนใบ้ ต้องหูหนวกด้วย☺
- คนบางคนแทงหวยมาตลอดชีวิต แต่ไม่เคยถูกหวยเลย แต่บางคนถูกหวยปีนึงหลายงวด … ทำไมเป็นแบบนั้น?
- คนบางคนตลอดชีวิต แทบไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลย แต่บางคนเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล บ่อยยิ่งกว่าเข้า 7-11 … ทำไมเป็นแบบนั้น?
- คนบางคน ทำอะไรก็โชคไม่ดี ซวยตลอด ซวยซ้ำซวยซาก แต่บางคน ทำอะไรก็โชคดี เฮงตลอด … ทำไมเป็นแบบนั้น?
ถ้าหากทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่มีอะไรบงการอยู่เบื้องหลัง ทุกคนก็ควรจะต้องเจอเหตุการณ์ต่างๆ ไม่สามารถคาดการณ์ได้แบบ random หรือแบบสุ่ม ตามหลักสถิติศาสตร์
เวลาฝนตกทำไม ฟ้าเลือกผ่าลงแค่คนบางคน หรือสัตว์บางตัว? ทำไมโรคบางโรค ถึงเกิดกับคนบางคน ในขณะที่บางคนที่ใช้ชีวิตเหมือนกันทุกประการ แต่กลับไม่ได้เป็นโรคนั้น?
ถ้าไม่เข้าใจกฏแห่งกรรม ก็จะตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ เพราะหากไม่มีกฏแห่งกรรม คนที่ใช้ชีวิตเหมือนกัน ก็ควรจะเป็นโรคเดียวกัน และอะไรที่อาศัยการเสี่ยงดวง เช่นการแทงหวย มันก็ควรจะถูกผิดตามความน่าจะเป็นตามหลักวิชาสถิติ
สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการเกิดสิ่งต่างๆ ของชีวิต ก็จะเกิดความกลัว เพราะไม่รู้ว่าเหตุร้ายหรือหายนะ จะเกิดกับตนเมื่อไหร่ เพราะคิดว่าโชคร้ายหรือหายนะ จะมาในรูปแบบของการสุ่ม เหมือนกับการจับฉลาก ธุรกิจประกันภัย และประกันชีวิต จึงเกิดขึ้นมา เพื่อรองรับคนกลัว และคนที่ไม่เข้าใจ กฏแห่งกรรม
ยกตัวอย่าง สมมุติว่าพระพากุละ ผู้เป็นเอตทัคคะหรือผู้เป็นเลิคในความไม่มีโรค แถมอายุยืนถึง 160 ปีโดยไม่เคยป่วยเลย ในขณะที่คนอื่นมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ปีแถมป่วยปีนึงหลายหน หากพระพากุละไม่ได้ออกบวชเป็นพระภิกษุ ท่านพากุละ ก็เป็นบุคคลที่ไม่สมควรทำประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพใดๆ เพราะทำไปก็ไม่มีโอกาสเคลม จ่ายแต่เบี้ยประกันฟรีๆ
การทำประกันทุกชนิด จึงเหมาะกับผู้ที่มี วิบากกรรม เยอะ มีเชื้อวิบัติมาก หรือมีบุญน้อย ส่วนผู้ที่มี วิบากกรรม น้อย มีเชื้อวิบัติน้อย มีบุญเยอะ ก็เป็นผู้ที่ไม่สมควรทำประกันใดๆ เหมือนท่านพากุละ ที่ทำไปก็จะขาดทุน เพราะวิบัติ หรือหายนะภัย ไม่ได้เกิดแบบสุ่ม เหมือนดังเช่นที่ธุรกิจประกันเขาใช้เป็นสมมุติฐาน ในการคิดเบี้ยประกันกับทุกคน
การติดโรคระบาด เช่น covid หรือโรคใดๆ ก็ตาม จริงๆ มันก็ไม่ได้เกิดแบบสุ่ม เพราะคนจะติด มันต้องมี วิบากกรรม อยู่เบื้องหลัง มีวิบากมากติดแล้วตาย วิบากปานกลางติดแล้วป่วยแต่รักษาได้ วิบากน้อยติดแล้วไม่มีอาการ หรือหายเอง ไม่มีวิบากกรรมเลยก็ไม่ติด ในขณะที่บรรดาแพทย์ที่ศึกษาแต่วิชาแพทย์ แต่ไม่ได้เข้าใจ กฏแห่งกรรม ก็จะคิดว่ามันจะติดแบบสุ่ม เหมือนกับธุรกิจประกัน ที่คิดว่าการเกิดหายนะ มันเกิดแบบสุ่ม
ดังนั้นเราเองก็ไม่ควรจะไปกลัวเจ้าไวรัสตัวเล็ก เช่นเจ้า covid ให้มันเกินไป เพราะถ้าเราไม่มี วิบากรรม ยังไงมันก็ไม่ติด แต่ถ้ามีวิบากกรรม ต่อให้หลบอยู่แต่ในรู เดี๋ยวก็จะมีคนพาเชื้อมาให้ติดถึงรู เหมือนคนมี วิบากกรรม ฟ้าผ่า ต่อให้ฝนไม่ตก ฟ้าก็ผ่าตายได้ แต่คนไม่มี วิบากกรรม ต่อให้ปีนเสาโทรเลขท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง ก็ไม่โดนฟ้าผ่า
คนถึงคราวจะตาย อยู่ที่ไหนมันก็ตาย ใช้ชีวิตให้มันสดใส ใจอยู่กับบุญกุศล “ระวัง” แต่ไม่ต้องถึงกับ “ระแวง” กรรมเก่าเราไม่รู้ ก็แค่ไม่เปิดช่องให้กรรมเก่าส่งผลได้ง่ายเกินไป ใจอยู่กับบุญกุศล บาปก็จะไม่ได้ช่อง เห็นบางคนวิตกกังวลกับโควิด ดูแต่ข่าวโควิด จิตใจหมกมุ่นเศร้าหมอง จนไม่เป็นอันต้องทำอะไร เอาว่าถ้ามี วิบากกรรม จะต้องตาย ถ้าไม่ตายด้วยโควิด ก็ตายด้วยอะไรซักอย่างอยู่ดีล่ะนะ
หากท่านใดพอมีเวลาว่าง หาเวลาสวดมนต์ภาวนาทุกวัน กันน่ะครับ 😊
ขอขอบคุณผู้เขียน Cr.Somchet Mhin Jearanaisil
ติดตามข้อมูลข่าวสารของเราได้ที่ : PunditSpirit.com
ศึกษาธรรมะ สมาธิ เจริญปัญญา :https://punditspirit.com/category/meditation/